ทำไมรถกอล์ฟจึงจอดตาย
ผมจั่วหัวแบบนี้เนื่องจากพบว่า
หลายๆหน่วยงานมีซากรถกอล์ฟ
เป็นจำนวนมาก
บางแห่งดูแล้วน่าตกใจเสียครึ่งนึ่งใช้ได้ครึ่งหนึ่ง
วันนี้เราลองมาช่วยกันหาสาเหตุดูครับ
ว่าเกิดจากอะไร และเรา
คนใช้ไม่ได้ซื้อ คนซื้อไม่ได้ใช้
สาเหตุนี้มาจากการซื้อรถไม่ได้มองความต้องการให้รอบด้าน
ผู้ซื้อ
ไม่ได้พิจารณา
การใช้งานของรถว่าจะมีมากเพียงใด ผู้ให้บริการ
สามารถรองรับการบริการที่เกิดขึ้นได้ไม๊
บางหน่วยงานมองง่ายๆว่า
รถกอล์ฟก็เหมือนกันหมด
หากซื้อใหม่ 2-3 ปีแรกไม่น่าจะเสีย จริงอยู่
หากรถที่ท่านซื้อใช้งานปรกติ
เรามาดูกันครับว่ามองอย่างไร การใช้งานรถ
คือเวลาที่ใช้ประเมินต่อวัน
บางหน่วยงานใช้ วันละ 2 ชั่วโมงต่อวัน เดือนหนึ่ง
ก็ประมาณ 48 ชั่วโมง (คิด 24
วันต่อเดือน) หากรถวิ่งด้วยความเร็ว 18 กม./ชั่วโมง
คิดเฉลี่ยตอนออกตัวตอนหยุดง่ายๆประมาณ
10 กม./ชั่วโมง เดือนหนึ่งก็วิ่ง 480 กม.
เหมือนขับรถไป-กลับนครสวรรค์
แต่อีกหน่วยงานนึ่งใช้งานวันละ 6 ชั่วโมงต่อวัน
เดือนหนึ่งก็ประมาณ 144 ชั่วโมง เดือนนึ่งวิ่ง 1,440 กม. เหมือนขับไปกลับเชียงใหม่
เลยนะครับ
รถของหน่วยงานหลังยังไงก็ต้องการ การบำรุงรักษาที่มากกว่า อันนี้
เราไม่พูดถึงความคงทนของรถนะครับ
คิดว่ารถวิ่งมากก็ต้องบำรุงรักษามาก ด้วยเหตุนี้
ผู้ซึ้อจะไม่ค่อยทราบคิดว่าตัวเองใช้น้อย
ต้องผู้ใช้ครับถึงจะทราบ ดังนั้นเมื่อซื้อมาแล้ว
จึงสงสัยว่ารถทำไมพังเร็ว
แล้วมักจะโทษว่ารถไม่ดี ยิ่งไปเจอกับผู้ขายที่มีข้อจำกัดเรื่อง
การบริการด้วยแล้ว
ก็พบว่ารถมักจะจอดรอช่างจนเบื่อไปเอง
มีแต่งบซื้อ ไม่มีงบซ่อมบำรุง
ปัญหานี้หลายหน่วยงานคงเคยเจอ
เมื่อมีค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนที่เกินจากเงินที่มี
ต้องรอ รถกอล์ฟไฟฟ้า
ส่วนสำคัญคือแบตเตอรี่ เมื่อครบรอบเปลี่ยนแบตเตอรี่ แบตเตอรี่
ชุดหนึ่งประมาณ 25,000-40,000 แล้วแต่คุณภาพแบตเตอรี่ ลองดูครับถ้าจำเป็น
ต้องเปลี่ยนพร้อมกันหลายคัน
คงใช้เงินพอสมควร ทางแก้ใขก็จะ ซื้อส่วนหนึ่งก่อน
ไม่สามารถซื้อได้ทั้งหมด
เมื่อมีรถที่ขาดแบตเตอรี่ ก็จะมีการถอดอะไหล่ไปใส่คันอื่นอีก
เมื่อต้องการจะใช้จริง ก็พบว่างบในการซ่อมสูงกว่าเดิม
หรือประเมินไม่ได้ว่าต้องทำ
อะไรบ้าง
เนื่องจากถอดอะไหล่ไปหลายอย่าง นี่แหละครับจอดตายแน่นอน
ใช้เป็นอย่างเดียว
รถกอล์ฟก็เหมือนเครื่องจักรชนิดหนึ่ง
คุณคิดว่ามีเครื่องจักรอะไรบ้างที่ไม่ต้องการ
การบำรุงรักษา
มีหน่วยงานหลายแห่งที่มีระบบการดูแลรถกอล์ฟหรือเครื่องจักร
โดยฝ่ายช่างภายใน
แต่ไม่เคยนำรถกอล์ฟไปให้ฝ่ายช่างบำรุงรักษาเลย ใช้งานอย่างเดียว
จะไปหาช่างก็ต่อเมื่อวิ่งไม่ได้
บางทีต้องเอารถไปลาก เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงครับ เพราะว่า
คนใช้มีความรู้สึกว่าต้องใช้
ถ้าหยุดใช้หรือไม่มีรถจะทำให้การทำงานยากลำบากขึ้น
ประกอบกับไม่มีใครอยากทำหน้าที่นำรถไปให้ช่างบำรุงรักษา
เนื่องจากเป็นงานนอก
หน้าที่ไม่เกิดผลผลิต
ดังนั้นเมื่อเกิดปัญหานี้หลายๆครั้งเข้า รถจะมีสภาพชำรุดมาก
เนื่องจากขาดการบำรุงรักษา
เมื่ออยู่ในสภาพนี้ผู้ใช้ก็มีความรู้สึกไม่ชอบ ไม่อยากใช้
เนื่องจากอยากได้ของใหม่มากกว่า
อันนี้เป็นประสพการตรงครับ หน่วยงานทั่วไป
ใช้รถกอล์ฟอยู่ระหว่าง 3-6
ปี ต้องทิ้งเป็นซาก แต่ถ้าเป็นสนามกอล์ฟจะใช้ได้ถึง
8-10ปี ในสภาพที่ยังขายต่อได้อีกนะครับ
ค่าซ่อมแพงจังเลย
ข้อนี้จะเป็นทุกที่
ที่มีนโยบายลดค่าใช้จ่าย ผู้บริหารมักจะคิดว่าเครื่องจักรทั้งหลาย
ฝ่ายช่างภายในต้องทำได้
จริงอยู่ครับช่างที่มีทักษะจะทำได้แต่ต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง
จากที่สังเกตุมา
เวลาที่ผมรับช่างเข้ามา เราจะอบรมช่างให้สามารถทำงานได้ มันต้อง
ใช้เวลาครับ 4-12
เดือนแล้วแต่ช่างจะเรียนรู้ได้ อันนี้หมายถึงช่างทำรถกอล์ฟทุกวัน
นะครับ
แล้วถ้าเป็นช่างที่ไม่ได้รับการอบรมแก้ใขปัญหาเองละครับ จะเป็นยังไง
อีกสาเหตุหนึ่ง
ท่านผู้บริหารเคยทราบไหมครับว่า ภาระงานในหน่วยงานของท่าน
มีมากน้อยเพียงใด
ผมเคยเจอช่างปรารถให้ฟังว่า งานปรกติก็ทำไม่ทันอยู่แล้ว
ต้องมาซ่อมรถกอล์ฟอีก เขาอยากทำครับแต่มัน
ทำไม่ทัน ผมมีหลักในการทำงานช่าง
ครับนำไปใช้ได้ 1
คนพร้อม(หมายถึงทำเป็น) 2 เครื่องมือพร้อม 3 อะไหล่พร้อม ครบ3อย่างนี้
ทำงานช่างอะไรก็สำเร็จครับ
ทางแก้ ทางแก้ ทางแก้
ทุกๆ 10,000 กิโลเมตร ต้องเข้าศูนย์ ศูนย์จะมีรายการให้เลยว่าเช็คระยะนี้ต้อง
ทำอะไรบ้าง
เช่นเดียวกับรถกอล์ฟครับ ผู้ให้บริการจะทราบว่าตามระยะจะต้องบำรุง
รักษาหรือเปลี่ยนชิ้นส่วนใดบ้าง
อันนี้ถ้าท่านไม่สะดวก ใช้ช่างบริษัทที่จำหน่าย ซื้อ
ประกันเพิ่ม หรือ จ้างซ่อมรายปี
หรือ รายครั้ง ตามแต่สะดวก ดีที่สุดครับ
2 หากรถเป็นซากแล้ว
ขายคืนให้ผู้ขายครับ ผู้ขายเขามีความสามารถในการปรับสภาพ
รถให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิมได้
ทางแก้ทั้งสองทางนี้จะเป็นไปไม่ได้
ถ้าท่านซื้อรถจากบริษัทที่ไม่มีบริการ ตอนซื้อคนขายต้อง
พยายามขายให้ได้เขาพูดได้หมดครับ
ผมให้ข้อสังเกตุผู้ขายดังนี้ รถกอล์ฟที่ท่านซื้อมีราคาถูกสุด
ใช่ไม๊
ถ้ามันถูกสุดเขาจะเอาต้นทุนที่ไหนมาบริการคุณ เหมือนคุณจ้างผู้รับเหมาแหละถูกสุด
มักจะทิ้งงาน
ประการต่อมาเขามีทีมช่างไม๊ ถ้าเขาทำธุรกิจขายรถกอล์ฟอย่างเดียว มีโอกาส
ที่จะไม่มีช่างหรือจ้างช่างเป็นครั้งๆ
แต่ถ้าเขามีธุรกิจให้บริการรถในสนามกอล์ฟ อันนี้เขาต้อง
มีช่างแน่ๆ
ลองถามคนขายดูครับ ให้บริการที่ไหนบ้าง อันสุดท้ายเขามีอะไหล่ไม๊ ลองขอราย
การอะไหล่ที่ใช้ดูและให้เขาแนะนำว่าอะไรที่ใช้บ่อยพังบ่อย
เขาต้องบอกคุณได้ หรือมีรายการ
พร้อมทั้งรูปภาพอะไหล่ให้คุณดูได้
ซื้อรถกอล์ฟมาใช้ทุกคนอยากให้คุ้มค่า
มันต้องเข้าใจตัวเราเอง เข้าใจผู้ขาย
โอกาสรถจอดเป็นซากจะไม่เกิด
ลองพิจารณาดูครับไม่ยาก ผมว่าคุณทำได้
ตอนต่อไปมาคุยกันเรื่องเทคโนโลยีไฟฟ้าในรถกันครับสงวนสิทธิ์ เผยแพร่ใน บล็อก Mr.rodgolf ครั้งแรก 20 พย. 61
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น